โรงงานพลาสติก ขวดพลาสติก บรรจุภัณฑ์ | K.V.J. Union Co., Ltd.

News & Updates

Posts Tagged บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

ลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์

การลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์

แนวทางที่เรายึดถือคือการลดต้นทุนในการบรรจุภัณฑ์ การใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล ซึ่งเป็นหัวใจของกลยุทธ์ธุรกิจของเรา การลดขนาดและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์จะช่วยลดต้นทุนในด้านวัสดุ พลังงานและค่าขนส่ง การออกแบบโครงสร้างและวัสดุให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องบรรจุจะทำให้การบรรจุภัณฑ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ยินดีต้อนรับสู่ เค.วี.เจ. ยูเนี่ยน ผู้ผลิตขวดพลาสติก และ บรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตขวดพลาสติก และ บรรจุภัณฑ์ ฉีด และ เป่าพลาสติก เชี่ยวชาญในการผลิตขึ้นรูปพลาสติก เชี่ยวชาญในการผลิตขึ้นรูปพลาสติก รวมถึง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมถึง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ขวดพลาสติก กระปุกครีม หัวปั๊ม หัวสเปรย์ ขวดพลาสติก กระปุกครีม หัวปั๊ม หัวสเปรย์ ช้อน ถ้วยตวง ฝาแบบต่างๆ ชิ้นส่วนอะไหล่พลาสติก ฯลฯ รับผลิตงานตามแบบ ผลิตแม่พิมพ์พลาสติก รับผลิตงานตามแบบ ผลิตแม่พิมพ์พลาสติก จากประสบการณ์กว่า 30 ปี จากประสบการณ์กว่า 30 ปี

แนวทางลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์

แนวทางของเราคือการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ การใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล ซึ่งมีเป้าหมายธุรกิจอย่างชัดเจน การลดบรรจุภัณฑ์ทำให้เราได้รับประโยชน์ด้านต้นทุนในวัสดุ พลังงานและการขนส่ง

กระปุกครีม-250กรัม

วิธีการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์: แนวทางประหยัดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

การลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ แต่ยังช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย การเลือกใช้วัสดุและการออกแบบที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่ายและลดความสูญเสียในกระบวนการขนส่ง โดยวิธีการหลักที่แนะนำ ได้แก่:

  1. ใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา
    การเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาจะช่วยลดต้นทุนด้านวัสดุ พลังงาน และค่าขนส่ง ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากขวดแก้วหนักมาใช้ขวดพลาสติกที่น้ำหนักเบากว่า ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานในการขนส่ง นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบายังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและการจัดการสินค้า ตัวอย่างเช่น บรรจุภัณฑ์แบบขวด PE ที่น้ำหนักเบาแต่ยังคงความแข็งแรงเพียงพอ
  2. พัฒนาการออกแบบโครงสร้างและวัสดุอย่างเหมาะสม
    การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับลักษณะของผลิตภัณฑ์จะช่วยลดการใช้วัสดุที่เกินความจำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน เช่น การออกแบบขวดที่ใช้พื้นที่น้อยลงเมื่อจัดเก็บหรือขนส่ง หรือการใช้วัสดุแบบผสมที่มีความแข็งแรงทนทานแต่ใช้วัตถุดิบน้อยกว่า ตัวอย่างคือ การออกแบบกล่องที่มีช่องแบ่งภายในเพื่อป้องกันการกระแทก ลดการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์เสริม
  3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้มข้นมากขึ้น
    สำหรับสินค้าบางประเภท การเพิ่มความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ช่วยลดขนาดของบรรจุภัณฑ์และปริมาณที่ใช้ เช่น น้ำยาทำความสะอาดแบบเข้มข้นที่ผู้บริโภคสามารถผสมเองได้ ช่วยลดขนาดของขวดบรรจุภัณฑ์ รวมถึงลดต้นทุนในการผลิตและขนส่ง
  4. กำจัดบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น
    การกำจัดบรรจุภัณฑ์ชั้นในหรือส่วนที่ไม่จำเป็นช่วยลดต้นทุนและลดปริมาณขยะ ตัวอย่างเช่น การลดการใช้พลาสติกห่อในผลิตภัณฑ์บางประเภท หรือการลดชั้นบรรจุภัณฑ์เพิ่มเติม เช่น การขายสินค้าในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ชั้นเดียวแทนการใช้กล่องภายนอกหลายชั้น
  5. ซื้อในจำนวนมากและนำไปใช้ในหลายสายผลิตภัณฑ์
    การซื้อวัสดุในปริมาณมากเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย และนำไปใช้กับหลายสายผลิตภัณฑ์ช่วยลดต้นทุนได้ดี ตัวอย่างเช่น การซื้อขวดพลาสติกในขนาดที่สามารถปรับใช้กับผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด จะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนในการจัดซื้อวัสดุและเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต

เราให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ของคุณ https://www.kvjunion.com/contact-us

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์

บริษัท เค.วี.เจ. ยูเนี่ยน จำกัด
70 ถนนพระรามที่ 3
แขวงบางคอแหลม
เขตบางคอแหลม
กรุงเทพฯ 10120

T: 02 289 1996
F: 02 292 1223
E: sales@kvjunion.com
LINE: @tul2062b

Add Line

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

บรรจุภัณฑ์สลายตัว (Biodegradable Packaging)

ไบโอพลาสติกและการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ในปัจจุบัน ปัญหาขยะพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เป็นหนึ่งในประเด็นหลักของการเกิดมลภาวะในสิ่งแวดล้อม การผลิตและใช้งาน ไบโอพลาสติก (Biodegradable Plastic) หรือพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ทางธรรมชาติ จึงกลายมาเป็นแนวทางที่สำคัญในการแก้ไขปัญหานี้

ภาพที่เห็นเป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ช้อนที่ผลิตจากวัสดุไบโอพลาสติกชนิดต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาในเทคโนโลยีพลาสติกเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วยชนิดพลาสติกที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่:

ไบโอพลาสติก Biodegradable Plastic

  1. Oxo-biodegradable plastic: Enhanced PP
    พลาสติกประเภทนี้ถูกพัฒนาให้ย่อยสลายได้เร็วขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงแดด (รังสีอัลตราไวโอเลต) และออกซิเจน ด้วยการเพิ่มสารเติมแต่งลงในโพลีโพรพิลีน (PP) ทำให้สามารถแตกตัวและย่อยสลายได้ในเวลาที่เหมาะสม เมื่อสิ้นสุดการใช้งาน
  2. PP Copolymer + Bioplastic
    เป็นการผสมผสานระหว่างโพลีโพรพิลีนชนิดโคพอลิเมอร์กับไบโอพลาสติก ซึ่งให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงในการใช้งาน โดยยังคงรักษาความสามารถในการย่อยสลายได้
  3. PP + Bioplastic
    วัสดุชนิดนี้เป็นการผสมระหว่างโพลีโพรพิลีนกับไบโอพลาสติก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างคงทนในระยะยาว และเมื่อหมดอายุการใช้งานก็สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
  4. 100% Bioplastic
    ผลิตจากไบโอพลาสติกแท้ 100% ซึ่งมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แป้งข้าวโพด หรือวัสดุชีวภาพอื่น ๆ ที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายเมื่อสิ้นสุดการใช้งาน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  5. Recyclable PP Plastic
    พลาสติกโพลีโพรพิลีนที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ซึ่งเป็นแนวทางในการลดปริมาณขยะพลาสติกด้วยการนำมาใช้ใหม่

ประโยชน์ของการใช้ไบโอพลาสติก การใช้ไบโอพลาสติกมีข้อดีหลายประการ ทั้งในด้านของการลดปัญหาขยะพลาสติก การย่อยสลายที่รวดเร็วเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิต เช่น การใช้วัสดุชีวภาพแทนการใช้ปิโตรเลียมในการผลิตพลาสติกแบบดั้งเดิม

ในภาพรวม การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากไบโอพลาสติกช่วยส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ลดการใช้พลังงานในการผลิตและการขนส่ง นอกจากนี้ ไบโอพลาสติกยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โลกร้อนขึ้น

อนาคตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไบโอพลาสติก อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไบโอพลาสติกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถทดแทนพลาสติกทั่วไปได้ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารไปจนถึงผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้กระบวนการผลิตมีต้นทุนต่ำลง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนได้มากขึ้น

การใช้ไบโอพลาสติกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการบริโภคที่ยั่งยืน ด้วยความสามารถในการย่อยสลายตามธรรมชาติและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากไบโอพลาสติกจึงเป็นทางออกที่สำคัญในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกในปัจจุบัน

การสลายตัวของบรรจุภัณฑ์: ความสำคัญและแนวทางพัฒนา

ในปัจจุบัน มลภาวะที่เป็นพิษไม่ได้จำกัดแค่ในอากาศและน้ำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปริมาณขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว โดยเฉพาะขยะพลาสติก ทำให้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้บรรจุภัณฑ์สามารถสลายตัวได้ คำว่า “สลาย” หรือ “สลายตัว” มาจากคำว่า “degradation” ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์หมายถึง “การเสื่อม” หรือ “การแตกสลาย” การสลายของบรรจุภัณฑ์นั้น หมายถึงการเปลี่ยนสภาพจากเดิมให้ด้อยลง โดยบรรจุภัณฑ์ที่สลายตัวอาจไม่หายไปทั้งหมด แต่เกิดการแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามกระบวนการต่าง ๆ เช่น การย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ หรือพลังงานจากแสง

การย่อยสลายของพลาสติก (Plastic Degradation)

พลาสติกสามารถสลายตัวได้ในหลายวิธี เช่น การใช้จุลินทรีย์ (biodegradable) หรือการใช้แสง (photodegradable) กระบวนการเหล่านี้จะทำให้โครงสร้างของโมเลกุลของพลาสติกสั้นลง เมื่อโมเลกุลสั้นลง พลาสติกจะสูญเสียความทนทานและแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งการย่อยสลายนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น แสงแดด อุณหภูมิ และความชื้นในดิน

ไบโอพลาสติก (Biodegradable Plastic)

การพัฒนาพลาสติกที่ย่อยสลายได้เป็นแนวทางหนึ่งในการลดปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์ โดยพลาสติกย่อยสลายได้ด้วยกระบวนการทางชีวภาพ (biodegradation) สามารถถูกทำลายโดยจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย หรือราทางธรรมชาติ พลาสติกบางประเภทเช่น Polyhydroxyalkanoates (PHA) และ Polylactic acid (PLA) ถูกออกแบบให้สามารถย่อยสลายได้ในสภาวะที่เหมาะสม

การย่อยสลายด้วยแสง (Photodegradation)

การสลายของพลาสติกโดยแสงอัลตราไวโอเลตเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ เมื่อพลาสติกถูกแสงแดด พลังงานจากรังสีอัลตราไวโอเลตจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้โมเลกุลพลาสติกแตกตัวออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ วิธีการนี้มักใช้กับพลาสติกที่ใช้ในการทำถุงขยะหรือถุงบรรจุภัณฑ์ทางการเกษตร

ปัญหาและความท้าทายในการย่อยสลายของบรรจุภัณฑ์

  1. ความน่าเชื่อถือของการสลาย: ยังคงมีคำถามว่าวัสดุที่อ้างว่าย่อยสลายได้ จะสลายได้จริงหรือไม่ ในระยะเวลาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เนื่องจากยังไม่มีมาตรฐานสากลที่แน่ชัด
  2. ค่าใช้จ่าย: พลาสติกที่ย่อยสลายได้มักจะมีราคาที่สูงกว่าพลาสติกทั่วไป ทำให้เป็นอุปสรรคในการผลิตเชิงพาณิชย์
  3. สารตกค้างหลังการสลาย: ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับสารตกค้างจากกระบวนการย่อยสลายว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือมีเทนที่เกิดจากการสลายตัวของพลาสติก
  4. การสลายของบรรจุภัณฑ์ในสภาวะฝังกลบ: บรรจุภัณฑ์ที่ถูกฝังกลบอาจสลายได้ช้ากว่าที่คาดไว้ เพราะสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ฝังกลบมักไม่เหมาะสมสำหรับการย่อยสลาย เช่น ขาดออกซิเจนและแสง

แนวทางการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรม เนื่องจากยังมีข้อจำกัดและความท้าทายทางเทคโนโลยี ดังนั้นแนวทางที่สำคัญในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ คือการรีไซเคิลและการหมุนเวียนใช้ประโยชน์ (recycling) เพื่อช่วยลดปริมาณขยะและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

การย่อยสลายของบรรจุภัณฑ์เป็นหัวข้อที่สำคัญในยุคปัจจุบัน แต่การนำบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายมาใช้ยังคงมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการคงคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ ราคาที่สูงขึ้น และความเชื่อมั่นในกระบวนการย่อยสลาย อย่างไรก็ตามการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนในการแยกขยะ และการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ จะเป็นอีกแนวทางที่สามารถช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →